บทที่ 26 เงาสะท้อนของพิษ
เช้าวันถัดมา สำนักงานเอกภพสืบสวน
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่บรรจงจะโผล่หน้าเข้ามา ท่าทางเหนื่อยล้า เสื้อผ้าเปรอะฝุ่นเหมือนเพิ่งกลับมาจากภารกิจกลางป่า
เอกภพ
“ได้เรื่องรึเปล่า”
บรรจง
“ได้ครับ…แต่คุณต้องใจเย็นหน่อยนะ”
เอกภพพยักหน้าให้ บรรจงวางกระเป๋าผ้าเก่า ๆ ลงบนโต๊ะ หยิบเอกสารยับ ๆ ออกมาแผ่บนโต๊ะกลางห้อง กลิ่นไม้ฉุนจาง ๆ ลอยมาตามเสื้อของเขา
บรรจง (ต่อ)
“ผมไปสอบถามพวกโรงไม้แถบชานเมือง ตามที่คุณให้เบาะแสไว้ พวกนั้นดูระแวงหน่อยตอนแรก แต่พอผมแอบอ้างชื่อคุณว่าเป็นคนใหญ่คนโต เขาก็ยอมคายออกมาบ้าง”
เอกภพเอนหลัง ฟังเงียบ ๆ
บรรจง
“เขาบอกว่าประมาณสามเดือนก่อน มีผู้หญิงคนหนึ่ง—หน้าตาดี แต่งตัวภูมิฐาน—ขับรถมากับคนขับรถส่วนตัว มาสั่งซื้อ ‘สารหนู’ แบบจำนวนมาก”
เอกภพเริ่มตั้งใจฟังมากขึ้น
บรรจง
“โรงไม้เจ้านั้นเคยลักลอบเก็บของมีพิษพวกนี้ไว้ใช้กำจัดแมลงกับไม้เก่า ๆ พวกมันไม่มีใบอนุญาตแน่นอน แต่ก็ขายให้แบบเงียบ ๆ มาเรื่อย ๆ ผู้หญิงคนนั้นมาสั่งของแล้วก็หายไปเลย”
เอกภพ
“เขารู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร”
บรรจง
“ไม่รู้ครับ แต่ที่น่าสนใจคือ พอผมถามถึงลักษณะของเธอ ที่เขาบอกมานั้นมันตรงกับคุณอรสาเป้ะเลย“
เอกภพเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเหม่อลอยราวกับกำลังชั่งน้ำหนักอะไรบางอย่างในใจ
บรรจง (เบาเสียงลง)
“แต่คนงานอีกคนบอกผมว่า เธอสวมแว่นดำ ใส่หมวก มีคนขับรถคอยกันสายตาไว้ตลอด”
เอกภพลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังถนนมืด ๆ ข้างนอก
เอกภพ (พึมพำ)
“อรสา…”
บรรจง
“คุณคิดว่ายังไงครับ”
เอกภพ
“ฉันไม่แน่ใจ…แต่ถ้ามันคือเธอจริง ๆ ก็แปลว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับการตายของพระยาสุทิน”
บรรยากาศในห้องเงียบลงในทันที เหลือเพียงเสียงพัดลมเพดานที่หมุนเอื่อย ๆ
เอกภพ (ต่อ)
“แล้วเธอที่อยู่ตอนนี้…เป็นใครกันแน่”
ตัดไปยัง – ห้องรับแขกบ้านวรรณภพ – เวลาเดียวกัน
วรรณภพนั่งอยู่กลางห้อง เอกสารกองหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เขาเปิดสมุดบันทึกของพระยาสุทินเก่า ๆ ทีละหน้า สายตาหยุดอยู่ที่หน้ากระดาษที่ขีดชื่อ “พิเชษฐ์” และ “อรสา” ไว้เคียงกัน พร้อมวงกลมล้อมรอบไว้ด้วยหมึกสีแดง
เขาพึมพำเสียงเบา
วรรณภพ
“ทำไมถึงอยู่ในนี้ทั้งคู่…”
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น เขาหันไปมอง อรสาเดินเข้ามาช้า ๆ ในชุดกระโปรงสีเข้ม ผมรวบเรียบร้อย ใบหน้านิ่ง
อรสา
“คุณดูเคร่งเครียดอีกแล้ว…”
วรรณภพ
“ผมแค่…กำลังคิดเรื่องพ่อ”
อรสา
“คิดถึงพ่อ หรือ…สงสัยใครบางคนกันแน่คะ”
น้ำเสียงหล่อนราบเรียบ แต่ราวกับแฝงอะไรบางอย่างไว้ วรรณภพหันมองเธอ ดวงตาไหววูบเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะฝืนยิ้ม
วรรณภพ
“แค่คิดถึงเท่านั้นแหละ”
อรสา เดินมาช้า ๆ แล้ววางมือเบา ๆ บนไหล่เขา
อรสา
“ถ้าคุณไม่ไว้ใจใคร…อย่าไว้ใจแม้แต่ตัวเองนะคะ”
วรรณภพนิ่งไป ไม่แน่ใจว่านั่นคือคำเตือน…หรือคำขู่
ค่ำคืนเดียวกันนั้น สายลมยามค่ำคืนพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างห้องพักของวรรณภพ กลิ่นไม้เก่าจากพื้นกระดานและฝุ่นละอองจากม่านที่ไม่เคยถูกซักเติมเต็มบรรยากาศของความอึดอัด เขานั่งอยู่บนเตียง มีสมุดบันทึกกับแฟ้มเอกสารงานกระจายอยู่เต็มโต๊ะ
เสียง “กึก” ดังเบา ๆ คล้ายบางสิ่งถูกสอดเข้ามาใต้บานประตู วรรณภพชะงัก พลันเดินตรงไปเปิดประตูออกแต่ก็ไม่พบใครนอกจากความเงียบงันของทางเดินมืดๆ ที่ทอดยาว
เขาก้มลงมองและพบแผ่นกระดาษสีขาวพับไว้สองทบ วางอยู่หน้าประตู
มือของเขาชื้นเหงื่อโดยไม่รู้ตัวเมื่อล้วงหยิบมันขึ้นมา
เมื่อคลี่แผ่นกระดาษออก ตัวอักษรลายมือหวัด ๆ ที่เขียนด้วยหมึกปากกาเมจิกสีดำปรากฏขึ้น
“เธอที่อยู่กับคุณตอนนี้… ไม่ใช่ตัวเธอจริง ๆ”
วรรณภพใจเต้นแรง หน้าผากเริ่มมีเม็ดเหงื่อ แม้ข้อความจะสั้นแต่กลับสะเทือนลึกเข้าไปในจิตใจ
เขาหันกลับมามองในห้อง ทุกอย่างยังนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่ในความเงียบนั้นกลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้
กล่องจดหมายหน้าบ้านรั่วบ้านกระจัดกระจายเหมือนมีคนรื้อค้น หนังสือพิมพ์ฉบับเช้านั้นกลับเปิดค้างอยู่หน้าข่าวที่ลงภาพของ “อรสา” ในงานเลี้ยง ซึ่งถูกตัดออกไปเพียงครึ่งใบหน้า
พิษสวาท อำพราง บทที่26 เงาสะท้อนของพิษ
เช้าวันถัดมา สำนักงานเอกภพสืบสวน
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่บรรจงจะโผล่หน้าเข้ามา ท่าทางเหนื่อยล้า เสื้อผ้าเปรอะฝุ่นเหมือนเพิ่งกลับมาจากภารกิจกลางป่า
เอกภพ
“ได้เรื่องรึเปล่า”
บรรจง
“ได้ครับ…แต่คุณต้องใจเย็นหน่อยนะ”
เอกภพพยักหน้าให้ บรรจงวางกระเป๋าผ้าเก่า ๆ ลงบนโต๊ะ หยิบเอกสารยับ ๆ ออกมาแผ่บนโต๊ะกลางห้อง กลิ่นไม้ฉุนจาง ๆ ลอยมาตามเสื้อของเขา
บรรจง (ต่อ)
“ผมไปสอบถามพวกโรงไม้แถบชานเมือง ตามที่คุณให้เบาะแสไว้ พวกนั้นดูระแวงหน่อยตอนแรก แต่พอผมแอบอ้างชื่อคุณว่าเป็นคนใหญ่คนโต เขาก็ยอมคายออกมาบ้าง”
เอกภพเอนหลัง ฟังเงียบ ๆ
บรรจง
“เขาบอกว่าประมาณสามเดือนก่อน มีผู้หญิงคนหนึ่ง—หน้าตาดี แต่งตัวภูมิฐาน—ขับรถมากับคนขับรถส่วนตัว มาสั่งซื้อ ‘สารหนู’ แบบจำนวนมาก”
เอกภพเริ่มตั้งใจฟังมากขึ้น
บรรจง
“โรงไม้เจ้านั้นเคยลักลอบเก็บของมีพิษพวกนี้ไว้ใช้กำจัดแมลงกับไม้เก่า ๆ พวกมันไม่มีใบอนุญาตแน่นอน แต่ก็ขายให้แบบเงียบ ๆ มาเรื่อย ๆ ผู้หญิงคนนั้นมาสั่งของแล้วก็หายไปเลย”
เอกภพ
“เขารู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร”
บรรจง
“ไม่รู้ครับ แต่ที่น่าสนใจคือ พอผมถามถึงลักษณะของเธอ ที่เขาบอกมานั้นมันตรงกับคุณอรสาเป้ะเลย“
เอกภพเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเหม่อลอยราวกับกำลังชั่งน้ำหนักอะไรบางอย่างในใจ
บรรจง (เบาเสียงลง)
“แต่คนงานอีกคนบอกผมว่า เธอสวมแว่นดำ ใส่หมวก มีคนขับรถคอยกันสายตาไว้ตลอด”
เอกภพลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังถนนมืด ๆ ข้างนอก
เอกภพ (พึมพำ)
“อรสา…”
บรรจง
“คุณคิดว่ายังไงครับ”
เอกภพ
“ฉันไม่แน่ใจ…แต่ถ้ามันคือเธอจริง ๆ ก็แปลว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับการตายของพระยาสุทิน”
บรรยากาศในห้องเงียบลงในทันที เหลือเพียงเสียงพัดลมเพดานที่หมุนเอื่อย ๆ
เอกภพ (ต่อ)
“แล้วเธอที่อยู่ตอนนี้…เป็นใครกันแน่”
ตัดไปยัง – ห้องรับแขกบ้านวรรณภพ – เวลาเดียวกัน
วรรณภพนั่งอยู่กลางห้อง เอกสารกองหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เขาเปิดสมุดบันทึกของพระยาสุทินเก่า ๆ ทีละหน้า สายตาหยุดอยู่ที่หน้ากระดาษที่ขีดชื่อ “พิเชษฐ์” และ “อรสา” ไว้เคียงกัน พร้อมวงกลมล้อมรอบไว้ด้วยหมึกสีแดง
เขาพึมพำเสียงเบา
วรรณภพ
“ทำไมถึงอยู่ในนี้ทั้งคู่…”
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น เขาหันไปมอง อรสาเดินเข้ามาช้า ๆ ในชุดกระโปรงสีเข้ม ผมรวบเรียบร้อย ใบหน้านิ่ง
อรสา
“คุณดูเคร่งเครียดอีกแล้ว…”
วรรณภพ
“ผมแค่…กำลังคิดเรื่องพ่อ”
อรสา
“คิดถึงพ่อ หรือ…สงสัยใครบางคนกันแน่คะ”
น้ำเสียงหล่อนราบเรียบ แต่ราวกับแฝงอะไรบางอย่างไว้ วรรณภพหันมองเธอ ดวงตาไหววูบเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะฝืนยิ้ม
วรรณภพ
“แค่คิดถึงเท่านั้นแหละ”
อรสา เดินมาช้า ๆ แล้ววางมือเบา ๆ บนไหล่เขา
อรสา
“ถ้าคุณไม่ไว้ใจใคร…อย่าไว้ใจแม้แต่ตัวเองนะคะ”
วรรณภพนิ่งไป ไม่แน่ใจว่านั่นคือคำเตือน…หรือคำขู่
ค่ำคืนเดียวกันนั้น สายลมยามค่ำคืนพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างห้องพักของวรรณภพ กลิ่นไม้เก่าจากพื้นกระดานและฝุ่นละอองจากม่านที่ไม่เคยถูกซักเติมเต็มบรรยากาศของความอึดอัด เขานั่งอยู่บนเตียง มีสมุดบันทึกกับแฟ้มเอกสารงานกระจายอยู่เต็มโต๊ะ
เสียง “กึก” ดังเบา ๆ คล้ายบางสิ่งถูกสอดเข้ามาใต้บานประตู วรรณภพชะงัก พลันเดินตรงไปเปิดประตูออกแต่ก็ไม่พบใครนอกจากความเงียบงันของทางเดินมืดๆ ที่ทอดยาว
เขาก้มลงมองและพบแผ่นกระดาษสีขาวพับไว้สองทบ วางอยู่หน้าประตู
มือของเขาชื้นเหงื่อโดยไม่รู้ตัวเมื่อล้วงหยิบมันขึ้นมา
เมื่อคลี่แผ่นกระดาษออก ตัวอักษรลายมือหวัด ๆ ที่เขียนด้วยหมึกปากกาเมจิกสีดำปรากฏขึ้น
“เธอที่อยู่กับคุณตอนนี้… ไม่ใช่ตัวเธอจริง ๆ”
วรรณภพใจเต้นแรง หน้าผากเริ่มมีเม็ดเหงื่อ แม้ข้อความจะสั้นแต่กลับสะเทือนลึกเข้าไปในจิตใจ
เขาหันกลับมามองในห้อง ทุกอย่างยังนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่ในความเงียบนั้นกลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้
กล่องจดหมายหน้าบ้านรั่วบ้านกระจัดกระจายเหมือนมีคนรื้อค้น หนังสือพิมพ์ฉบับเช้านั้นกลับเปิดค้างอยู่หน้าข่าวที่ลงภาพของ “อรสา” ในงานเลี้ยง ซึ่งถูกตัดออกไปเพียงครึ่งใบหน้า